วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2558

เพรสเชอร์เครื่องซักผ้าLG6KG ตอน6เทคนิควัดดีเสีย100เปอร์เซ็นท์ แบบ1ไม่มีไอซีในตัว

Camera


เพรสเชอร์เครื่องซักผ้าLG6KG ตอน6เทคนิควัดดีเสีย100เปอร์เซ็นท์
แบบ1ไม่มีไอซีในตัว
9/9/2558 SONGCHAI PRAPATRUNGSEE
เพรสเชอร์เครื่องซักผ้าLG6KG ตอน6เทคนิควัดดีเสีย100เปอร์เซ็นท์
แบบ1ไม่มีไอซีในตัว

เพรสเชอร์ที่ทำการวัดนี้
เป็นแบบรุ่นเล็กประมาณ6KG
ของLGหรือSAMSUNG
แบบ3ขา แบบไม่มีไอซีแปะอยู่ที่ตัวเพรสเชอร์

เพรสเชอร์แบบ3ขา จะมี2แบบคือ
1 แบบไม่มีไอซีมาแปะที่ตัวเพรสเชอร์
2 แบบมีไอซีมาแปะไว้ที่ตัวเพรสเชอร์

ในการฟันธงดีเสียแบบ100%นี้
เป็นแบบไม่มีไอซีแปะอยู่ที่ตัวเพรสเชอร์

สายแจ๊คนี้จะมี3เส้น
ขั้วกลางเป็นกราวด์
ขั้วริมเป็นไฟ 2.5 DCV ทั้ง2ด้าน

ขาริมกับขาริมเป็นขดลวดเพรสเชอร์
ถ้าวัดโอมห์ขาริมกับขาริมได้ประมาณ 22โอมห์
ก็แสดงว่าขดลวดไม่ขาด ขดลวดดี
  ส่วนขากลางกับขาริมจะมีCค่า223(22NF)
ต่ออยู่ด้านละ1ตัว
นั่นหมายถึงภายในเพรสเชอร์3ขาจะมี Cค่า223(22NF)
อยู่2ตัวนั่นเอง

การวัดค่าCภายในเพรสเชอร์ทำได้ดังนี้
ใช้มิเตอร์ดิจิตอลยี่ห้อใดก็ได้ที่สามารถวัดค่าCได้
ตั้งไปย่านC สังเกตุจะขึ้นคำว่า nF
จากนั้นวัดขากลางกับขาริมใดก็ได้
จะเป็นการวัดค่าCแบบขนาน
การวัดCแบบขนานจะได้ค่าที่เพิ่มขึ้น
ตรงข้ามกับการวัดรีซิสเตอร์ที่การวัดขนานจะได้ค่าที่ต่ำลง

ผลการวัดขากลางกับขาริมได้45nF แสดงว่าถูกต้อง
ถ้าวัดได้แบบนี้ก็หมายความว่า
เพรสเชอร์ตัวนี้สามารถสร้างความถี่ได้แน่นอน100%นั่นเอง
ส่วนได้กลไกบอกไม่ได้ว่าดีหรือเสีย
ถ้าในเรื่องของด้านกลไกเสียก็จะเป็นในเรื่องของ
อาการน้ำล้น หรือน้ำน้อยแทนครับ
  แต่ถ้าวัดได้ตามข้างต้นแล้ว
แต่กดปุ่มPOWERเพียงปุ่มเดียวรอประมาณ3วินาที
จะต้องไม่มีเสียงร้องเตือนใดๆ
แต่ถ้าเกิดมีเสียงร้องเตือนสักพักแล้วไฟกระพริบ
ไม่สามารถทำงานได้
ก็แสดงว่าเสียที่เส้นทางขาดหรือบอร์ดควบคุมในส่วนนี้เสีย

ส่วนการวัดอนุกรมไม่สามารถวัดได้
เพราะขดลวด22โอมห์
จะทำการคลายประจุตัวCทั้ง2ตัวอยู่ตลอดเวลานั่นเอง

การวัดเพรสเชอร์ให้เสียบปลั๊กไฟ
แต่ไม่ต้องกดปุ่มPOWER
เพราะเมื่อเสียบไฟเข้าเครื่องซักผ้าแล้ว
จะมีไฟมารอที่เพรสเชอร์และสร้างความถี่ทันที
ถ้าเพรสเชอร์ไม่สร้างความถี่ไปบอกซีพียู
เมื่อเรากดPOWER รอประมาณ3วินาที
ก็จะเกิดเสียงร้องเตือนติ๊ดๆๆๆๆๆๆ

จากนั้นใช้มิเตอร์วัดไฟ
วัดขากลางกับริม จะได้ไฟ 2.5 DCV ทั้ง2ด้าน

ถ้าไม่มีไฟให้ตั้งมิเตอร์วัดโอมห์ว่าสายเส้นใดขาด
ส่วนใหญ่หนูจะกัดสายไฟขาด

ถ้าวัดไฟที่ตัวเพรสเชอร์
ขากลางกับริมทั้ง2ด้าน
มีไฟมาประมาณ 2.5 DCVแล้ว

ให้ใช้มิเตอร์ดิจิตอลที่มีย่านวัดความถี่
วัดไปที่ขากลางกับริม
และวัดขากลางกับริมอีกด้าน
ถ้าได้ความถี่ประมาณ26.86KHZ
ทั้ง2ด้านก็แสดงว่าปกติ

ถ้าใช้มิเตอร์เข็มวัดให้ตั้งย่านวัด 10 ACV
แล้วสายวัดสีแดงย้ายไปเสียบที่รูOUTPUT
วัดไปที่ขากลางกับริม
และวัดขากลางกับริมอีกด้าน
ถ้าเข็มขึ้นความถี่แรงประมาณ 0.6 ACV
ทั้ง2ด้านก็แสดงว่าปกติ

ถ้าวัดแล้วไม่มีความถี่ออกมา
ก็แสดงว่าเพรสเชอร์เสียให้ทำการเปลี่ยนเพรสเชอร์

ตรวจสอบว่าความถี่เปลี่ยนแปลงได้หรือไม่
โดยการกดปุ่มPOWER กดLEVELสูงสุด กดSTART
น้ำจะค่อยๆไหลจนเต็มถังตามที่กดระดับน้ำสูงสุด

เอามิเตอร์ดิจิตอลที่มีย่านวัดความถี่
วัดที่ขากลางกับริมจะค่อยๆความถี่ตกลง
เมื่อน้ำเต็มระดับสูงสุดความถี่จะตกลงจาก
ประมาณ26.86KHZ เหลือ 22.18 KHZ ทั้ง2ด้าน

ถ้าเป็นมิเตอร์เข็มจะวัดความถี่
ขากลางกับขาริม ความแรงเพิ่มจาก
0.6ACV เพิ่มเป็น 0.8ACV เพิ่มขึ้น 0.2ACV
ทั้ง2ด้าน

ถ้าวัดแล้วความถี่เปลี่ยนแปลงได้แบบนี้
ก็แสดงว่าเพรสเชอร์ดี
ท่อสายยางที่คล้ายๆท่อน้ำเกลือดี
ทุกอย่างของเพรสเชอร์ดี

ถ้าความถี่ไม่เปลี่ยนแปลง
ก็แสดงว่าสายน้ำตัน รั่ว หรือกลไกภายใน
เพรสเชอร์รั่วลม ทำให้เกิดอาการน้ำล้นถัง

ถ้าความถี่ได้แล้วเครื่องยังร้องติ๊ดๆอีก
ก็แสดงว่าความถี่ไปไม่ถึงซีพียูหรือปริ๊นท์ร่อน
หรือบอร์ดวงจรเสีย



ไม่มีความคิดเห็น: