วันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

วัดกระแสP3 AT89C2051 SINK101MA SOURCE20UA




วัดกระแสP3 AT89C2051 SINK101MA SOURCE20UA
วัดกระแสPORT3 AT89C2051 SINK101MA SOURCE20UA
8/4/2557 SONGCHAI PRAPATRUNGSEE
วัดกระแสAT89C2051 PORT3 SINK101MA SOURCE20UA

กระแสSINK คือกระแสที่ไหลเข้าAT89C2051
หมายความว่าไฟภายนอกไหลเข้ามา
ในตัวAT89C2051แล้วลงกราวด์ของAT89C2051

วิธีวัดกระแสซิงค์ ใช้AT89C2051-24PIในการวัด
โดยเขียนคำสั่งให้ขาP3.2และP3.7เป็นลอจิก0(กราวด์)
แล้วให้ลอยขาP3.2และP3.7ออกจากวงจร
เพราะการวัดกระแสต้องวัดแบบอนุกรมห้ามวัดขนาน

เอามิเตอร์ดิจิตอลปรับซีเลคเตอร์ไปที่AMP
สายสีแดงเสียบเข้าที่ช่องAMP
สายสีแดงจิ้มเข้าไปที่VCC 5โวลท์
สายสีดำจิ้มเข้าไปที่ขาP3.2และขาP3.7ตามลำดับ
จะได้กระแสSINK 101MAที่VCC 5V ทั้ง2ขา

ถ้าใช้มิเตอร์เข็มบิดซีเลคเตอร์ไปที่ 0.25A(250MA)
สายสีแดงจิ้มเข้าไปที่VCC 5โวลท์
สายสีดำจิ้มเข้าไปที่ขาP3.2และขาP3.7ตามลำดับ
จะได้กระแสSINK 101MAที่VCC 5V  ทั้ง2ขาเช่นกัน

กระแสSINK PORT3 มี101MA
แต่เวลาใช้จริงต้องมีRจำกัดกระแส
และต้องใช้ไม่เกิน20MAต่อขา
ในDATA SHEETบอกไว้
ถ้าเกินอาจจะพังเพราะความร้อนสูง

กระแสSOURCE คือ
กระแสที่ไหลออกจาก AT89C2051
โดยการดึงลงกราวด์จากภายนอก
หมายถึงขานั้นจะต้องมีR PULLUPภายใน
และต้องเขียนคำสั่งให้เป็นลอจิก1ด้วย
จึงจะสามารถใช้กระแสSORUCEได้

ในการทดลองใช้ขาP3.2และP3.7
(เขียนสั่งให้เป็นลอจิก1หรือไฟทั้ง2ขา)

วิธึวัดกระแสSOURCE
เอามิเตอร์ดิจิตอลปรับซีเลคเตอร์ไปที่UA(ไมโครแอมป์)
สายสีแดงเสียบเข้าที่ช่องUA(ไมโครแอมป์)
สายสีดำจิ้มเข้าไปที่กราวด์
สายสีแดงจิ้มเข้าไปที่ขาP3.2และขาP3.7ตามลำดับ
จะได้กระแสSOURCE=20UA

ถ้าใช้มิเตอร์เข็มบิดซีเลคเตอร์ไปที่ 0.1V/50UA
สายสีดำจิ้มเข้าไปที่กราวด์
สายสีแดงจิ้มเข้าไปที่ขาP3.2และขาP3.7ตามลำดับ
จะได้กระแสSOURCE=20UA
ซึ่งเป็นกระแสที่ต่ำมาก
ไม่สามารถแม้แต่ทำให้ทรานซิสเตอร์ทำงานได้
เพราะทรานซิสเตอร์จะทำงานได้จะต้องมีกระแส
อย่างน้อยประมาณ45UAไปBIAS ที่ขาBASE
ดังนั้นถ้าจะทำให้ทรานซิสเตอร์ทำงานต้องใช้
R PULLUP ภายนอกช่วยเพิ่มกระแส

แต่กระแสที่ออกจากAT89C2051มีประมาณ20UA
สามารถต่อสวิทย์ดึงลงกราวด์เพื่อให้เกิดลอจิก1กับ0ได้
โดยไม่ต้องต่อR PULLUP ภายนอกเพิ่ม
เช่นเมื่อกดสวิทย์ก็จะเป็นลอจิก0
ปล่อยสวิทย์ก็จะเป็นลอจิก1
สามารถเขียนสั่งงานว่าถ้าเป็นลอจิก1ให้ทำอะไร
ถ้าเป็นลอจิก0ให้ทำอะไรได้
เพราะว่าเราไม่ได้เอากระแสไปขับเคลื่อน
ตัวอีเลคทรอนิคภายนอก

ถ้าวัดโวลท์ด้วยมิเตอร์ดิจิตอลขาP3.2
และขาP3.7ตามลำดับ จะได้5.02โวลท์
ถ้าวัดไฟที่ขาVCC ได้5.04โวลท์
จะได้ค่าไฟตกลง0.02โวลท์

ถ้าวัดโวลท์ด้วยมิเตอร์เข็มขาP3.2
และขาP3.7ตามลำดับ จะได้4.79โวลท์
ถ้าวัดไฟที่ขาVCCได้5.04โวลท์
จะได้ค่าไฟตกลง0.25โวลท์

สังเกตุได้ว่าสาเหตุที่วัดที่ขาAT89C2051
ได้โวลท์ตกลงเพราะว่ามีกระแสต่ำเกินไปคือ20UA
ทำให้วัดค่าแล้วทำให้โวลท์ตกลง(เพี้ยน)
ส่วนมิเตอร์ดิจิตอลมีการตกลงของโวลท์
น้อยกว่ามิเตอร์เข็ม
เพราะมิเตอร์ดิจิตอลใช้ความต้านทานสูงกว่า
มิเตอร์เข็มมาก เพราะมิเตอร์เข็มต้องใช้กระแส
ในการขับเคลื่อนเข็มสูง ส่วนดิจิตอลไม่ได้ไปขับเคลื่อนเข็ม
จึงทำให้กินกระแสน้อยกว่า

ความต้านทานของมิเตอร์
มิเตอร์เข็มRANGE 10VDC ประมาณ199K(กิโลโอมห์)
ส่วนมิเตอร์ดิจิตอลVDCประมาณ10M(เมกะโอมห์)



ไม่มีความคิดเห็น: