วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ภัยเงียบกว่าจะรู้ตัวก็สายเสียแล้ว



ภัยเงียบกว่าจะรู้ตัวก็สายเสียแล้ว
15/2/2560 SONGCHAI PRAPATRUNGSEE
ภัยเงียบกว่าจะรู้ตัวก็สายเสียแล้ว

ถ้าให้เลือกผมเลือกเลิกกินหวานก่อนเป็นเบาหวานครับ

ผมเจอมาแล้วภรรยาผมเป็นคนชอบกินหวานแบบเลิกไม่ได้
พอกินหวานเสร็จก็จะเริ่มง่วงนอน
ทำให้ชอบนอนหลับกลางวันด้วย
จากนั้นก็เป็นโรคเบาหวาน
แต่ตอนนี้เลิกกินหวานได้แล้ว เพราะกลัวเป็นโรคไต
และกลัวเบาหวานขึ้นตา
เพราะจะทำให้ตาบอดได้
ทุกคนพอเป็นเบาหวานแล้วก็จะเลิกกินหวานได้
เพราะเริ่มรับรู้ว่าเบาหวานนั้นมันอันตรายต่อร่างกายมากนั่นเอง

ข้าวไม่มีความหวานก็จริง
แต่เมื่อกินเข้าไปแล้วเหลือใช้ก็จะแปลงเป็นไขมัน
อาหารทุกอย่างก็เช่นกันเมื่อกินเข้าไป
แล้วร่างกายใช้ไม่หมดก็จะแปลงเป็นไขมัน
และไขมันก็จะไปอุดตันตามเส้นเลือด
ทำให้ร่างกายทุกส่วนมีเลือดไปเลี้ยงน้อยลง
ทำให้การทำงานของร่างกายทุกส่วนด้อยลง
ทำให้เกิดโรคต่างๆขึ้น เช่น โรคไขมันสูง โรคความดันสูง โรคหัวใจ
โรคเบาหวาน โรคไต โรคอัมพาต และอื่นๆอีกมากมาย
ล้วนเกิดมาจากไขมันเหลือใช้จากการกินเกินของเราทั้งสิ้น
เนื่องจากคนเราพออายุเกิน30ปีขึ้นไประบบการเผาผลาญ
ก็จะลดลงทำให้กินอะไรนิดหน่อยก็ไขมันสูงทันที
วิธีแก้ไขมันสูง
1 ให้ออกกำลังกายทุกวันๆละ15นาทีเป็นอย่างน้อย
2 ให้กินกระเทียมสด
ให้ทำความสะอาดแล้วปอกเปลือกกระเทียมออก
แล้วแช่ตู้เย็นไว้กินวันละประมาณ5กลีบ ถึง10กลีบ
การกินก็ง่ายมากให้กินพร้อมมื้ออาหารจะทำให้ไม่เผ็ด
และยังช่วยให้กินอาหารอร่อยขึ้นอีกด้วย
กระเทียมสามารถลดไขมันได้จริงมีผลการวิจัยเชิงวิทยาศาสตร์
กระเทียมจะทำหน้าที่เผาผลาญไขมัน
สามารถกินกระเทียมได้ทุกวันในปริมาณที่เหมาะสม
คือเมื่อผมกินกระเทียมสดประมาณวันละ5กลีบ
เวลาอาบน้ำจะรู้สึกว่าไม่หนาว
นั่นเป็นเพราะกระเทียมเผาผลาญไขมัน
ทำให้เกิดความอบอุ่นหรือความร้อนแก่ร่างกายมากขึ้น

แต่ถ้ากินกระเทียมสดไม่ได้ก็ซื้อกระเทียมแบบอัดเม็ด
มีหลายยี่ห้อ และไม่ควรกินมากเกินไป
เพราะการอัดเม็ดมันจะแรงกว่ากินแบบสดครับ
กระเทียมสามารถล้างไขมัน ล้างพิษเช่นสารตะกั่วในเลือด
รักษาโรคความดันสูง
รักษาไข้หวัด โรคอ้วน และอื่นๆอีกมากมาย
จัดเป็นสมุนไพรมหัศจรรย์ครอบจักรวาลอีกชนิดหนึ่ง

และยังมีสารพิษตกค้างจากผัก ผลไม้
ซึ่งเป็นสารก่อให้เกิดโรคมะเร็ง
ดังนั้นถ้าปลูกผักกินเองได้โดยไม่ใช้สารพิษก็จะดีที่สุด
แต่ถ้าทำไม่ได้จริงๆก็ต้องหันมาปลูกต้นรางจืด
และควรปลูกเองและต้องไม่ใช้สารพิษในการปลูกต้นรางจืด
นั่นก็หมายถึงใช้ฉี่ของเราใส่ก็จะปลอดภัย100%
แต่ฉี่ต้องผสมน้ำในอัตราส่วน ฉี่40%น้ำ60%
หรือให้น้ำมากกว่าฉี่นั่นเอง
การกินของผมส่วนตัวก็จะกิน1วันเว้น4วัน
ห้ามกินติดต่อกันเพราะไตจะทำงานหนัก
กินวันละ5ใบถึง10ใบ ก็จะสามารถขจัดสารพิษที่ตกค้างได้ระดับหนึ่งนั่นเอง

ผมมีญาติทำสวน ต้องฉีดสารพิษในการทำสวน
ได้มีการตรวจเลือดที่โรงพยาบาล
ปรากฏว่าสารพิษตกค้างในเลือดได้หายไป
วิธีกินของญาติผมคือ กินรางจืดติดต่อกันนาน7วัน แล้วก็หยุดกิน
คือไม่กินติดต่อนั่นเอง ส่วนใครจะกินแบบไหนก็สร้างสูตรกันเอาเอง

ถ้าใครเป็นโรคลมชัก ก็จะต้องอยู่ในการควบคุมของผู้ดูแล
เพราะการกินใบรางจืดจะทำให้เกิดอาการชักที่รุนแรงขึ้นได้
เพราะการกินใบรางจืดจะทำให้ร่างกายกระฉับกระเฉง
ตื่นตัวมากขึ้นนั่นเอง

แต่ถ้ากินใบย่านางแดง หรือใบย่านางเขียว
วันละประมาณ10ใบ ก็จะลดอาการชักได้
เพราะจะทำให้ร่างกายอยู่ในสภาวะพักผ่อน
เหมือนเรานั่งสมาธิ ทำให้หัวใจเต้นช้าลง
ความดันลดต่ำลง ร่างกายผ่อนคลายมากขึ้น
ทำให้อายุยืนยาวมากขึ้น
อย่างเห็นได้ชัดเมื่อกินใบย่างนางแดงหรือใบย่านางเขียว
การกินให้กินแบบสดไม่ต้องปั่น เพราะการปั่นจะทำให้เกิดการสูญเสีย
ให้เคี้ยวกินแบบสดๆดีกว่าครับ
ตามคลิปวีดีโอด้านล่างนี้ได้เลยครับ

และต้องตรวจร่างกายประจำปี
เพื่อติดตามผลเลือดและอื่นๆอย่างน้อยปีละ1ครั้ง

คลิปวีดีโอที่เกี่ยวข้อง




ไม่มีความคิดเห็น: