ไฟฟ้า #48 ทดสอบ3ยี่ห้อ ประหยัดไฟด้วยบัลลาส คลิปนี้ผิด ดูคลิปท้ายวีดีโอ
ถอดบัลลาสออกประหยัดไฟกว่า22%
4/7/2563 SONGCHAI PRAPATRUNGSEE
คลิปนี้ผิด วัดแล้วกินไฟน้อยกว่า
แต่วัดด้วยมิเตอร์การไฟฟ้าจะกินไฟเพิ่มขึ้น
เพราะบัลลาสเป็นสนามแม่แหล็ก
ทำให้มีไฟสูญเสียในการสร้างสนามแม่เหล็ก
ทำให้ค่าPOWER FACTORหรือค่าตัวประกอบกำลังต่ำลง
คือต่ำกว่า1
ดูคลิป ไฟฟ้า #50 ถอดบัลลาสออกประหยัดไฟ22เปอร์เซ็น
LED
T8 แทนหลอด FLUORESCENT แบบสั้น 3ยี่ห้อ
บัลลาส
ใส่ / ไม่ใส่
|
Philips 8W/800LM
|
FSL
9W/900LM
|
HAGI
9W/900LM
|
V ต้นทาง
|
234.7 / 234.5V
|
233.3
/ 234.3V
|
235.1 / 234.6 V
|
กระแส
|
44.8 / 62.7 mA
|
52.3 / 78 mA
|
59.8 / 78.9 mA
|
V บัลลาส
|
67.26 / 0 V
|
74.87 /
0 V
|
72.78 / 0 V
|
แสง (LUX)
|
1090 / 1088
|
1307 / 1304
|
1194 / 1165
|
W บัลลาส
|
3.013 W
|
3.915 W
|
4.352 W
|
W รวม
|
10.51 / 14.70 W
|
12.20 / 18.27 W
|
14.05 / 18.50 W
|
W หลอด
|
7.497 / 14.70 W
|
8.285 / 18.27 W
|
9.698 / 18.50 W
|
ใส่บัลลาส
แสงเพิ่มขึ้น
|
2 LUX
|
3 LUX
|
29 LUX
|
แต่ในความจริง
มีบัลลาสแสงลด
|
ประมาณ5 LUX
|
ประมาณ5 LUX
|
ประมาณ5 LUX
|
ใส่บัลลาส
ประหยัดไฟ
|
39.86%
|
49.75%
|
31.67%
|
ใส่บัลลาสแสงลด
|
0.41%
|
0.41%
|
0.41%
|
อุณหภูมิ
ห้อง / บัลลาส
|
30.2 /
32.4 C
|
30.2 / 32.4 C
|
30.2 / 32.4 C
|
ในตารางการใส่บัลลาสทำให้แสงเพิ่มขึ้น
แต่สังเกตุจากการวัด
แสงจะค่อยๆลดลงเมื่อหลอดเปิดนานขึ้น
แก้ไข7/7/2563
คลิปนี้ บอกว่าใส่บัลลาสประหยัดไฟ
ถือว่าผิดอย่างร้ายแรงครับ
ถ้าวัดไฟและกระแส ผลที่ได้คือ
ไม่ถอดบัลลาสประหยัดไฟกว่า
ถ้าวัดไฟและกระแส ผลที่ได้คือ
ไม่ถอดบัลลาสประหยัดไฟกว่า
แต่ถ้าวัดด้วยมิเตอร์การไฟฟ้า
ถอดบัลลาสประหยัดไฟกว่า
เพราะบัลลาสเป็นตัวเหนี่ยวนำ(L)
ดังนั้นเมื่อมีกระแสไหลผ่านL ก็จะเกิดสนามแม่เหล็ก
ส่วนพลังงานที่สร้างสนามแม่เหล็ก
โหลดไม่ได้นำไปใช้งาน
แต่เราต้องจ่ายค่าไฟในส่วนนี้ด้วย
เรียกว่า Reactive Power(VAR)
ส่วนที่โหลดนำไปใช้งาน เรียกว่า Active Power(W)
Reactive Power + Active Power =
Apparent Power(VA)
Reactive Power
จะเป็นตัวทำให้ค่าPower Factor ไม่เท่ากับ 1
โหลด R, L และ C มีผลอย่างไรต่อค่า
Power Factor
โหลดที่เราใช้ในระบบไฟฟ้ามีหลายประเภท
แต่ละประเภทจะส่งผลต่อระบบไฟฟ้าต่างกัน
สามารถจำแนกโหลดพื้นฐานเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้คือ
Load ประเภท Resistive
(R), Inductive (L) และ Capacitive (C)
1. โหลดความต้านทาน (Resistive Load, R)
โหลดความต้าน เช่น หลอดไฟฟ้าแบบไส้
เตารีดไฟฟ้า
หม้อหุงข้าว เครื่องทำน้ำอุ่น เป็นต้น
โหลดเหล่านี้จะทำให้ค่า Power Factor เท่ากับ 1
คือ กระแสและแรงดันมีมุมเฟสทางไฟฟ้าเดียวกัน
ทำให้ไม่มีการใช้พลังงานรีแอคทีฟและไม่เกิดการสูญเสียพลังงานในระบบ
2.โหลดตัวเหนี่ยวนำ (Inductive Load, L)
โหลดตัวเหนี่ยวนำเป็นโหลดที่ทำให้ค่า Power Factor ไม่เท่ากับ 1 เช่น
มอเตอร์ บัลลาสต์ของหลอดฟลูออเรสเซน
เครื่องปรับอากาศ เป็นต้น
กระแสที่สร้างขึ้นจะล้าหลังแรงดัน 90 ° เสมอหรือเกิดมุมทางไฟฟ้าต่างกัน (Phase-Shifted)
กระแสตามหลังแรงดัน 90 °
ซึ่งหลายคนจะรู้จักโหลดประเภทนี้เป็นแบบ
Power Factor Lagging (ล้าหลัง)
3 โหลดตัวเก็บประจุ (Capacitive
Load, C)
โหลดตัวเก็บประจุจะทำให้ค่า Power
Factor ไม่เท่ากับ 1 เช่นกัน
ส่วนใหญ่ในอุตสาหกรรมจะเป็น Capacitor
Bank
โหลด C กระแสที่สร้างขึ้นจะนำหน้าแรงดันอยู่
90 ° เสมอ
หรือเกิดมุมทางไฟฟ้าต่างกัน (Phase-Shifted)
กระแสนำหน้าแรงดัน 90 °
ซึ่งหลายคนรู้จักโหลดประเภทนี้เป็นแบบ Power
Factor Leading (นำหน้า)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น