ไดโอด
ตอน2วัดดิบ4007กับ4148ด้วยมิเตอร์ดิจิตอลตัวหยอดเหรียญSG9แบบหยอดได้ทุกเหรียญ
9/8/2558 SONGCHAI
PRAPATRUNGSEE
ไดโอด
ตอน2วัดดิบ4007กับ4148ด้วยมิเตอร์ดิจิตอลตัวหยอดเหรียญSG9แบบหยอดได้ทุกเหรียญ
การซ่อมต้องใส่รองเท้า
และห้ามเปียกน้ำ
และห้ามมีส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย
แตะถูกตัวนำไฟฟ้า
เพราะอันตรายอาจถึงชึวิตได้
ตัวหยอดเหรียญSG9แบบหยอดได้ทุกเหรียญสามารถโปรแกรมเหรียญได้เองเมื่อมีเหรียญออกมาใหม่
มิเตอร์เข็มสายสีดำเป็นไฟบวก
สายสีแดงจะเป็นไฟลบหรือกราวด์
การวัดด้วยมิเตอร์เข็มย่านX1
จะมีไฟออกมา3โวลท์ 150MA
ส่วน3โวลท์150MA
ที่ว่านี้คือขณะยังไม่มีโหลด
ถ้าเรานำสายมิเตอร์เข็มมาจึ้ติดกัน
จังหวะนี้จะได้ประมาณ150MA
แต่โวลท์จะตกเหลือ0โวลท์
เพราะเป็นการช็อทตรงนั่นเอง
การวัดในย่านX1นี้จะแม่นยำกว่าย่านX10
ย่านX10จะมีไฟออกมาที่3V
15MA
ส่วนการวัดด้วยมิเตอร์ดิจิตอลFLUKE115
ปรับไปย่านไดโอด ย่านนี้จะมีไฟออกมา
2.5V 860 uA
สายสีแดงเป็นไฟบวก
สายสีดำเป็นไฟลบ
ซึ่งจะตรงข้ามกับมิเตอร์เข็ม
การวัดดิบคือการวัดในวงจรโดยไม่ต้องเสียบไฟ
เรียกว่าเป็นการวัดดิบ
การวัดดิบด้วยมิเตอร์เข็มย่านX1 จะแม่นยำถึง100%
การวัดดิบด้วยมิเตอร์เข็มย่านX10 จะแม่นยำ80%
การวัดดิบด้วยมิเตอร์ดิจิตอล จะแม่นยำประมาณ70%
การวัดดิบลักษณะช็อท
มิเตอร์เข็มย่านX1และย่านX10และมิเตอร์ดิจิตอล
สามารถวัดดิบลักษณะช็อทได้แม่นยำ100%
แต่มีอีกกรณีอาจโดนหลอกได้
คือบางครั้งอาจมีการต่อคร่อมขดลวดได้
เช่นไดโอด4148 ต่อคร่อมขดลวดปล่อยเหรียญ
หรือHOROUTในTV ก็จะต่อคร่อมขดลวดHOR DRIVE
เป็นต้น
การวัดดิบลักษณะขาดหรือยืด
มิเตอร์เข็มย่านX1 วัดได้100%
เพราะไม่มีวงจรอะไรที่จะจัดวงจรต่ำกว่าย่านX1นั่นเอง
มิเตอร์เข็มย่านX10
วัดได้80%
เพราะในวงจรมักจะจัดความต้านทาน
อยู่ในย่านใกล้กับย่านX10
ทำให้หลงทางได้ง่าย
มิเตอร์ดิจิตอล วัดได้70%
สาเหตุเพราะ ถ้าที่ตัวCหรือคาปาซิเตอร์
มีไฟค้างอยู่แม้เพียงเล็กน้อย
ก็จะทำให้การวัดเพี้ยนเป็นโอมห์สูงทันที
และถ้าCที่มีค่าเป็นร้อยโวลท์แม้ดึงไฟออก
ก็อาจจะมีไฟตกค้างได้
ดังนั้นการวัดต้องคลายประจุก่อน
ถ้าไม่งั้นอาจทำให้มิเตอร์พังได้ทันที
การวัดดิบไดโอด
ด้วยมิเตอร์เข็มย่านX1 และย่านX10
ตัวเลขที่เข็มขึ้นจะไม่แน่นอนแล้วแต่ยี่ห้อของมิเตอร์นั้นๆ
วัดแบบFORWARD
คือการวัดแบบถูกขั้ว
สายสีดำไฟบวกจับที่ขาANODE
สายสีแดงไฟลบจับที่ขาKATHODEขาที่มีขีด
จะต้องขึ้นประมาณเลข7
วัดREVERSE คือการวัดแบบกลับขั้ว
สายสีดำไฟบวกจับที่ขาKATHODE
สายสีแดงไฟลบจับที่ขาANODE
การวัดรั่วจะไม่สามารถวัดในวงจรได้
แต่เข็มจะขึ้นเพราะเป็นการวัดโอมห์ในวงจรแทน
ถ้าวัดFORWARDขึ้นประมาณเลข7
วิเคราะห์ได้ดังนี้
ถ้าวัดด้วยย่านX1
ก็แสดงว่าดี100% ฟันธงได้เลย
ถ้าวัดด้วยย่านX10
ก็แสดงว่าดี80%
เพราะย่านX10จะมีโอมห์ใกล้เคียงกับวงจรอาจทำให้หลงได้
ถ้าวัดได้ประมาณเลข10
ก็แสดงว่า
ไดโอดตัวนั้นขาดหรือยืดแล้ว
แต่ที่วัดขึ้นเป็นเพราะวัดโอมห์ในวงจรแทน
ถ้าวัดได้อย่างนี้แสดงว่าไดโอดขาดหรือยืด
ถ้าวัดด้วยย่านX1
ก็แสดงว่าขาด100%
ถ้าวัดด้วยย่านX10
ก็แสดงว่าขาด100% เช่นกัน
ฟันธงได้เลยครับ
ถ้าวัดได้ประมาณเลข4 วิเคราะห์ไดโอดได้ดังนี้
ถ้าวัดด้วยย่านX1
ก็แสดงว่ารั่วหรือช็อท100%ฟันธงได้เลยครับ
ถ้าวัดด้วยย่านX10 ก็แสดงว่ารั่วหรือช็อทเพียง80%
เท่านั้น
เพราะอาจเป็นการวัดโอมห์ในวงจรแทน
เช่นเบอร์ 4007 และ4148
แต่ในกรณีที่เป็นช็อทกี้ไดโอดจะวัดได้ประมาณเลข2
ก็จะถือว่าปกติไม่ช็อท
ถ้าวัดได้ประมาณต่ำกว่าเลข2 วิเคราะห์ไดโอดได้ดังนี้
ถ้าวัดด้วยย่านX1หรือย่านX10
ก็แสดงว่าช็อท100% เหมือนกันฟันธงได้เลยครับ
การวัดดิบไดโอด
ด้วยมิเตอร์ดิจิตอลFLUKE
115
สายสีแดงเป็นไฟบวก
สายสีดำเป็นไฟลบ
วัดแบบFORWARD
คือการวัดแบบถูกขั้ว
สายสีแดงไฟบวกจับที่ขาANODE
สายสีดำไฟลบจับที่ขาKATHODEขาที่มีขีด
จะต้องขึ้นประมาณ 0.5VDC
วัดREVERSE คือการวัดแบบกลับขั้ว
สายสีแดงไฟบวกจับที่ขาKATHODE
สายสีดำไฟลบจับที่ขาANODE
การวัดรั่วจะไม่สามารถวัดในวงจรได้
แต่จะมีโวลท์ขึ้นเพราะเป็นการวัดโอมห์ในวงจรแทน
ถ้าวัดFORWARDขึ้นประมาณ0.5VDC วิเคราะห์ได้ดังนี้
ก็แสดงว่าไดโอดดี ประมาณ 70%
เพราะอาจเป็นการวัดโอมห์ในวงจรก็ได้
ถ้าวัดได้ประมาณ 1 VDC
ก็แสดงว่า
ไดโอดตัวนั้นขาดหรือยืดแล้ว
แต่ที่วัดขึ้นเป็นเพราะวัดโอมห์ในวงจรแทน
ถ้าวัดได้อย่างนี้แสดงว่าไดโอดขาดหรือยืด
ความแม่นยำ ประมาณ 70%
เพราะถ้ามีไฟค้างที่C(คาปาซิเตอร์)
แม้เพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้วัดได้โวลท์สูง
เหมือนยืดหรือขาดได้เช่นกัน
ถ้าวัดได้ประมาณ 0.2VDC วิเคราะห์ไดโอดได้ดังนี้
แสดงว่ารั่วหรือช็อทเพียง70% เท่านั้น
เพราะอาจเป็นการวัดโอมห์ในวงจรแทน
แต่ในกรณีที่เป็นช็อทกี้ไดโอดจะวัดได้ประมาณเลข0.2
ก็จะถือว่าปกติไม่ช็อท
ถ้าวัดได้ประมาณ 0 VDC หรือมีเสียงร้องตี๊ดยาว
วิเคราะห์ไดโอดได้ดังนี้
แสดงว่าช็อท100%
ฟันธงได้เลยครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น